ราคาของ Shib พุ่งสูงขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมเนื่องจากข่าวลือ

01 โทเค็นมีม (Meme tokens) ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างมาก

แหล่งข่าวมาจากเว็บไซต์ที่ชื่อว่า CoinMomo ซึ่งรายงานว่า Robinhood จะนำ Shib เข้าจดทะเบียนในวันที่ 25 ตุลาคม นักลงทุนคริปโตต่างแห่กันซื้อ Shib เพื่อหวังผลกำไรจากการจดทะเบียนบนแพลตฟอร์มการเทรดขนาดใหญ่ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้น แต่ปรากฏว่าการจดทะเบียนไม่ได้เกิดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แปลกคือราคาของ Shib ไม่ได้ร่วงลงเพราะข้อมูลที่ผิดพลาดนี้ แต่กลับพุ่งขึ้นไปถึง $0.00008778 ในวันที่ 28 ตุลาคม ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap ในวันนั้น มูลค่าตลาดของ Shib สูงเกิน 50 พันล้านดอลลาร์ ณ จุดสูงสุด และ ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน ตัวเลขยังคงอยู่ที่ 39 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งยังคงสูงกว่ามูลค่าตลาดของ Doge

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่โทเค็นมีมที่สร้างขึ้นมาเพียงกว่าหนึ่งปีนี้สามารถแซงหน้า Doge ซึ่งเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมานานถึง 8 ปี ยิ่งไปกว่านั้น Shib ยังเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่เลียนแบบ Doge อีกด้วย ทุกคนต่างตกตะลึงที่มุกทางการตลาดที่ว่า Shib เป็น "Doge Killer" บัดนี้ได้กลายเป็นความจริง

ด้วยกระแสความนิยมของ Shib ทำให้โทเค็นมีมอื่นๆ เช่น Yooshi, Babydoge, Elon, Cate และ Hoge ต่างได้รับความนิยมตามไปด้วย โดยราคาโทเค็นเติบโตขึ้น 100% ถึง 560%

ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของกลุ่มมีมทั้งหมดพุ่งสูงถึง 84 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก CoinGecko

การเติบโตในลักษณะนี้เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับนักลงทุนระยะยาวและนักลงทุนที่เน้นการวิจัยจำนวนมาก อะไรคือเรื่องราวเบื้องหลังโทเค็นมีม? พวกมันประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างมากได้อย่างไร?

02 มุมมองที่แตกต่างต่อการพุ่งขึ้นของราคาโทเค็นมีม

โทเค็นมีมเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่อิงกับวัฒนธรรม บางคนมองว่าโทเค็นมีมเป็นเหรียญเลียนแบบ แต่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าคำนี้เป็นเพียงการอ้างอิงถึง "เหรียญสัตว์" แนวคิดของโทเค็นมีมเริ่มต้นจาก Doge ในปี 2013 ราคาของ Bitcoin ที่เคยไร้ค่าพุ่งสูงขึ้นเป็นสองหลัก (ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจุดประกายการเก็งกำไร Jackson Palmer สร้าง Doge ขึ้นโดยตรงจากโค้ดของ Bitcoin เพื่อล้อเลียน ซึ่งตั้งใจให้เป็นมุกตลกของโปรแกรมเมอร์ Doge มีความไม่เป็นทางการมากและยังใช้มีมเป็นไอคอน ภายใต้บริบทเช่นนี้ โทเค็นมีมจำนวนมากจึงทำหน้าที่เป็นมุกตลกในวัฒนธรรมสังคมของเรา

นักลงทุนคริปโตมีมุมมองที่แตกต่างกันต่อการพุ่งขึ้นของราคาโทเค็นมีม:

1) โทเค็นมีมเข้ากับวัฒนธรรมชุมชนที่เป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่

ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เป็นชาวเน็ต สำหรับพวกเขา มีมเป็นตัวหล่อลื่นทางสังคมที่ยอดเยี่ยมที่สามารถใช้เป็นรูปภาพน่ารัก การเยาะเย้ย หรือมุกตลก นอกจากนี้ มีมยังแพร่กระจายได้ง่าย โทเค็นมีมเข้ากันได้ดีกับความชอบเช่นนี้ ที่จริงแล้ว การแพร่กระจายของมีมและการให้ทิปด้วยโทเค็นมีมต่างก็เป็นพฤติกรรมทางสังคม ในแง่นี้ มีมและโทเค็นมีมไม่ต่างอะไรจากเครื่องมือทางสังคมสากลเมื่อหลายทศวรรษก่อนอย่างบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

2) โทเค็นมีมพึ่งพาอิทธิพลของคนดัง

ก่อนหน้านี้ Doge เป็นโทเค็นมีมที่ประสบความสำเร็จเพียงตัวเดียว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาโทเค็นมีมพุ่งสูงขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาคือการประชาสัมพันธ์ Doge โดย Elon Musk ซีอีโอของ Tesla หลังจากราคา Doge พุ่งสูงขึ้น เขายังได้แนะนำ Shib แก่นักลงทุนคริปโตโดยนัย ซึ่งทำให้มันได้รับความนิยมมากกว่าที่เคย

3) ราคาที่ต่ำมากของโทเค็นมีมนำไปสู่ความกลัวพลาดโอกาส (FOMO) ที่เพิ่มขึ้น

ลักษณะสำคัญของโทเค็นมีมคือมีอุปทานจำนวนมากและราคาถูก ในด้านหนึ่ง นักลงทุนคริปโตสามารถซื้อโทเค็นมีมได้จำนวนมากด้วยเงินเพียงไม่กี่ดอลลาร์ ในอีกด้านหนึ่ง โทเค็นเหล่านี้ถูกใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างเต็มที่ — ผู้ใช้คริปโตมีความสุขที่จะให้ทิปด้วยโทเค็นมีมเพราะมันมีมูลค่าไม่มาก ที่สำคัญกว่านั้น หากโทเค็นมีมที่เลียนแบบทั้งหมดอย่าง Shib สามารถประสบความสำเร็จได้โดยอาศัยความนิยมในตลาด ทำไมเหรียญสัตว์อื่นๆ จะทำไม่ได้? ด้วยแรงผลักดันจาก FOMO ที่รุนแรง นักลงทุนจำนวนมากไม่สามารถต้านทานการลองซื้อไว้บ้างเผื่อไว้ได้

อีกประเด็นหนึ่งคือ:

โทเค็นมีมดูเหมือนจะประสบความสำเร็จใน "การกระจายศูนย์" และ "การหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ" ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป

เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนคือการที่สามารถกำจัดอำนาจควบคุมและกลายเป็นระบบกระจายศูนย์ได้ ในช่วงแรก การจ่ายรางวัลบิทคอยน์ผ่านการขุดถูกมองว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุการกระจายศูนย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป การขุดพิสูจน์ให้เห็นว่ามีการกระจายศูนย์น้อยกว่าที่คนคาดหวังไว้ เมื่อความยากและเพดานสูงขึ้น การขุดก็ยิ่งรวมศูนย์มากขึ้น นอกจากนี้ เนื่องจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่สูง นักลงทุนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะสะสมคริปโตเคอร์เรนซีราคาแพงไว้แทนที่จะใช้จ่าย ในทางตรงกันข้าม โทเค็นมีมที่มีอุปทานมหาศาลและราคาถูกได้กระตุ้นให้เกิดการซื้อขายที่บ่อยครั้งขึ้น

03 O ปัจจัยสำคัญหนึ่งของการพุ่งขึ้นของราคาโทเค็นมีม

แม้จะมีเหตุผลทั้งหมดเหล่านี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพุ่งขึ้นของราคาโทเค็นมีมยังขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหนึ่ง นั่นคือการตลาดและการเก็งกำไร ผู้ถือครองโทเค็นเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงวัฒนธรรมทางสังคมหรือชุมชนอีกต่อไป แต่พวกเขาเป็นนักเก็งกำไรที่มุ่งหวังเพียงผลกำไรมหาศาลที่โทเค็นมีมอาจนำมาให้

นอกจากนี้ เมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิด เราจะเห็นได้ว่าโทเค็นมีมที่พุ่งสูงขึ้นทั้งหมดนี้มีความเกี่ยวข้องกับเหล่าวาฬที่ทำหน้าที่เป็น "ผู้สร้างตลาด" อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เป็นอันตราย ในชุมชนคริปโตที่เต็มไปด้วยนักเก็งกำไรและ "ผู้สร้างตลาด" การที่โทเค็นเลียนแบบที่เริ่มจากศูนย์จะก้าวขึ้นมาโดดเด่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้น ในตลาดคริปโตปัจจุบัน การดึงดูดเหล่าวาฬให้มาเป็น "ผู้สร้างตลาด" ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม มันถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่าราคาโทเค็นอาจพุ่งสูงขึ้นและโทเค็นอาจเติบโตได้

ในอีกด้านหนึ่ง ชื่อเสียงและการเติบโตในวงการคริปโตที่โทเค็นมีมได้รับโดยอาศัยเพียงการเก็งกำไรและการตลาดด้านราคา ก็ได้สร้างการเยาะเย้ยให้กับคริปโตเคอร์เรนซีที่ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการสำรวจคุณค่า เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้

โทเคนมีมที่คุณต้องรู้จัก ซึ่งได้รับความนิยมจาก Shib