ในการเทรดฟิวเจอร์ส ไม่น่าแปลกใจที่มาร์จิ้นเป็นคำที่ได้ยินบ่อยที่สุด เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับขนาดของตำแหน่งการเทรดและความเป็นไปได้ที่จะถูกบังคับล้างพอร์ต แนวคิดที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับมาร์จิ้นคือ มาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin) และมาร์จิ้นรักษาสถานะ (Maintenance Margin) โดยมาร์จิ้นเริ่มต้นหมายถึงมาร์จิ้นที่จำเป็นสำหรับการเปิดสถานะ ในขณะที่มาร์จิ้นรักษาสถานะหมายถึงจำนวนมาร์จิ้นขั้นต่ำที่จำเป็นต้องมีเพื่อรักษาสถานะของคุณให้เปิดอยู่ได้

อัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะเป็นตัวกำหนดว่าจะเกิดการบังคับล้างพอร์ตหรือไม่ เมื่ออัตรามาร์จิ้นของคุณต่ำกว่าอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะที่กำหนดสำหรับสถานะปัจจุบันของคุณ + ค่าธรรมเนียมการล้างพอร์ต การบังคับล้างพอร์ตจะถูกทริกเกอร์โดยอัตโนมัติ ภายใต้โหมด Isolated Margin อัตรามาร์จิ้น = (มาร์จิ้นเริ่มต้น + มาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น - มาร์จิ้นที่ลดลง + กำไรขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง)/มูลค่าเปิด ภายใต้โหมด Cross Margin อัตรามาร์จิ้น = (มาร์จิ้นที่ใช้ได้ + มาร์จิ้นเริ่มต้น + มาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น - มาร์จิ้นที่ลดลง + กำไรขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง)/มูลค่าเปิด

คุณสามารถทราบอัตรามาร์จิ้นได้จากสูตรที่ให้ไว้ข้างต้น แล้วเราจะตรวจสอบอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะได้จากที่ไหน?

ผ่านข้อมูลตลาดฟิวเจอร์สที่มีอยู่บนเว็บไซต์ CoinEx คุณสามารถติดตามอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะล่าสุดของแต่ละสัญญาที่ซื้อขายบนแพลตฟอร์มได้

เราสามารถเห็นได้ว่าอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะขึ้นอยู่กับระดับตำแหน่ง เนื่องจาก CoinEx ใช้ระบบอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะแบบขั้นบันได - เมื่อตำแหน่งของคุณใหญ่ขึ้น อัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะจะเพิ่มขึ้น และเลเวอเรจสูงสุดจะลดลง

ระบบดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการกระทบต่อสภาพคล่องของตลาดอันเป็นผลมาจากการบังคับล้างพอร์ตของตำแหน่งขนาดใหญ่ นี่คือเหตุผล: เมื่อตำแหน่งขนาดใหญ่ถูกบังคับล้างพอร์ต คำสั่งขนาดใหญ่จะปรากฏในตลาดและอาจไม่ได้ถูกชำระที่ราคาล้างพอร์ต เนื่องจากแพลตฟอร์มอาจมีปัญหาในการจับคู่กับคำสั่งอื่นๆ เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดไม่เพียงพอ

หากตำแหน่งดังกล่าวถูกขายในที่สุดที่ราคาต่ำกว่าราคาล้างพอร์ตมาก ผลขาดทุนที่เกี่ยวข้องอาจเกินกว่ามาร์จิ้นที่เพิ่มไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลขาดทุนจากการล้มละลายที่มีนัยสำคัญ แม้ว่าผลขาดทุนดังกล่าวจะได้รับการคุ้มครองโดยกองทุนประกันของ CoinEx แต่ผลขาดทุนที่เกิดจากการล้มละลายของตำแหน่งขนาดใหญ่ที่ใช้เลเวอเรจสูงอาจเกินงบประมาณ หากกองทุนประกันไม่สามารถครอบคลุมผลขาดทุนจากการล้มละลายได้ การบังคับล้างพอร์ตของตำแหน่งจะถูกดำเนินการโดยระบบลดเลเวอเรจอัตโนมัติ (ADL) และตำแหน่งของผู้ใช้ CoinEx รายอื่นอาจถูกลดลง

เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้นและเพื่อหลีกเลี่ยง ADL อันเป็นผลมาจากการบังคับล้างพอร์ตของตำแหน่งขนาดใหญ่ CoinEx ได้นำระบบขั้นบันไดของอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะ มาร์จิ้นเริ่มต้นขั้นต่ำ และเลเวอเรจสูงสุดมาใช้ตามระดับตำแหน่งที่แตกต่างกัน โดยการลดเลเวอเรจสูงสุดในขณะที่เพิ่มอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะของตำแหน่งขนาดใหญ่ ผู้ถือตำแหน่งดังกล่าวจะต้องจ่ายมาร์จิ้นที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าผลขาดทุนจากการล้มละลาย (ถ้ามี) จะได้รับการครอบคลุมด้วยมาร์จิ้นในกรณีที่มีการบังคับล้างพอร์ต

ตัวอย่างเช่น หากตำแหน่งสัญญา BTCUSDT ของคุณมีมูลค่า 10 BTC ระดับตำแหน่งของคุณจะอยู่ในช่วง 0 - 20 BTC ซึ่งหมายความว่าเลเวอเรจสูงสุดและอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะที่เกี่ยวข้องจะเป็น 100x และ 0.50% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม หากตำแหน่งสัญญา BTCUSDT ของคุณมีมูลค่า 20 BTC เลเวอเรจสูงสุดและอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะที่เกี่ยวข้องจะเป็น 20x และ 2.00% ตามลำดับ

ระบบขั้นบันไดนี้คำนวณมูลค่าของตำแหน่งของแต่ละสัญญาในแต่ละทิศทาง เมื่อนักลงทุนถือตำแหน่งทั้งสองทิศทาง (ลอง/ชอร์ต) ระดับตำแหน่งจะถูกกำหนดโดยมูลค่าสูงสุดของทั้งสองทิศทาง ตัวอย่างเช่น หากคุณลองสัญญา BTCUSDT สำหรับ 10 BTC และชอร์ตสัญญาสำหรับ 30 BTC ระดับตำแหน่งของคุณจะเป็น 20.0001 - 50 BTC เนื่องจากมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 30 BTC ซึ่งหมายความว่าอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะที่เกี่ยวข้องจะเป็น 1.00%

ระบบขั้นบันไดของอัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะเป็นวิธีการควบคุมความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันผลขาดทุนจากการล้มละลายขนาดใหญ่ ด้วยระบบดังกล่าว ADL มีโอกาสน้อยที่จะถูกทริกเกอร์ ซึ่งจะปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้ทั้งหมดได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ภายใต้ระบบขั้นบันไดนี้ อัตรามาร์จิ้นรักษาสถานะของสัญญาต่างๆ ก็แตกต่างกันด้วย ดังนั้น คุณสามารถตรวจสอบตัวเลขที่เกี่ยวข้องในหน้าฟิวเจอร์สบนเว็บไซต์ CoinEx ก่อนเริ่มตำแหน่งได้

ทำไมอัตรามาร์จินรักษาสภาพของฉันจึงเพิ่มขึ้นเมื่อขยายสถานะการถือครอง?