ท่ามกลางตลาดสปอตที่กำลังถดถอย ฟิวเจอร์สซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ทางการเงินประเภทหนึ่ง ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ตามข้อมูลจาก Coinglass ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของฟิวเจอร์สทั้งระบบมีมากกว่าตลาดสปอตถึงสองเท่า เมื่อพิจารณาตัวเลขที่สูงมากเช่นนี้ การทำกำไรในตลาดฟิวเจอร์สโดยใช้เลเวอเรจสูงตามการคาดการณ์แนวโน้มตลาดจึงเป็นเรื่องสำคัญแต่ยากสำหรับนักลงทุนทุกคน

เราอาจพบคำตอบได้จากสองตัวแปร นั่นคือ อัตราการชนะ (win rate) และอัตราส่วนกำไรต่อขาดทุน (profit/loss ratio) รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทั้งสอง

อัตราการชนะในฟิวเจอร์สคืออะไร?

อย่างที่ชื่อบอก อัตราการชนะคือความน่าจะเป็นของการเทรดที่ทำกำไรได้

สูตร: อัตราการชนะ = จำนวนครั้งที่ชนะ / จำนวนการเทรดทั้งหมด * 100%

สมมติว่า นักเทรดฟิวเจอร์สทำการเทรด 10 ครั้ง และทำกำไรได้ 5 ครั้ง ดังนั้นอัตราการชนะของเขาคือ 50% แม้ว่าอัตราการชนะจริงจะดูปานกลางและมีโอกาสขาดทุน แต่เขายังคงทำกำไรได้มาก

ตามที่ระบุในหนังสือ Technical Analysis of the Financial Markets "นักเทรดฟิวเจอร์สที่ดีที่สุดทำกำไรได้เพียง 40% ของการเทรดทั้งหมด" แม้ว่าอัตราการชนะสูงจะสำคัญ แต่ก็ยากที่จะรักษาไว้ในตลาดที่ผันผวน จากสถิติในทศวรรษที่ผ่านมา อัตราการชนะเฉลี่ยของเทรดเดอร์ชั้นนำในวอลล์สตรีทอยู่ระหว่าง 35% ถึง 50% เท่านั้น แล้วเราจะทำกำไรจากตลาดฟิวเจอร์สได้อย่างไร?

นี่คือจุดที่อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนเข้ามามีบทบาท

อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนคืออะไร?

สูตร: อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุน = กำไรเฉลี่ย/ขาดทุนเฉลี่ย

สมมติว่าเราโยนเหรียญ คุณจะได้ 1 USDT ถ้าชนะ หรือเสีย 1 USDT ถ้าทายผิด ในกรณีนี้ อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนคือ 1:1 แต่ถ้าคุณได้ 3 USDT เมื่อชนะ หรือเสีย 1 USDT เมื่อทายผิด อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนจะเป็น 3:1

สมมติว่าเทรดเดอร์ A เปิดสถานะ 10,000 USDT ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการชนะและอัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนเป็นดังนี้:

จากตารางข้างต้น คุณจะเห็นว่าคุณยังสามารถทำกำไรได้แม้จะมีอัตราการชนะต่ำ แม้ว่าอัตราการชนะของคุณจะเป็นเพียง 30% การเทรดของคุณก็ยังคงทำกำไรในระยะยาวได้ตราบใดที่อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนอยู่ในระดับสูง

จะเพิ่มอัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนได้อย่างไร?

คำตอบอยู่ในสูตรของอัตราส่วนกำไรต่อขาดทุน: เราสามารถเพิ่มกำไรเฉลี่ยหรือลดการขาดทุนเฉลี่ย

นั่นดูเหมือนจะเป็นปริศนา เพราะอัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนของแต่ละการเทรดจะไม่แน่นอนจนกว่าจะปิดสถานะ และเทรดเดอร์แทบจะไม่สามารถกำหนดกำไรในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถกำหนดการขาดทุนสูงสุดสำหรับแต่ละธุรกรรมได้ ซึ่งก็คือราคาตัดขาดทุนที่เรารู้จัก หลังจากกำหนดราคาตัดขาดทุน หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือเงื่อนไขการออก เมื่อเงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด สถานะจะถูกปิดแม้ว่าคุณจะเดิมพันผิดทิศทางและขาดทุน ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้คุณขาดทุนมากขึ้น

ในแง่นี้ Take-Profit & Stop-Loss จึงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์จริงๆ สมมติว่าในการเทรดแต่ละครั้งที่มีสถานะคงที่ ราคาตัดขาดทุนถูกตั้งไว้ที่ 10% ของจำนวนเริ่มต้น และราคาทำกำไรถูกตั้งไว้ที่ 20% ของจำนวนเริ่มต้น อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุนจะเป็น 2:1 ตราบใดที่อัตราการชนะถึง 33% บัญชีก็สามารถคุ้มทุนได้

เทรดเดอร์มักจะประเมินตลาดผิดพลาด แต่ผู้ที่มีเหตุผลจะมุ่งเน้นที่การทำกำไรสูงสุด ไม่ใช่จำนวนครั้งที่ชนะ นอกเหนือจากความรู้ข้างต้นแล้ว อีกปัจจัยสำคัญในการทำกำไรจากตลาดฟิวเจอร์สคือความสอดคล้องระหว่างความรู้และกลยุทธ์การเทรดของคุณ ท้ายที่สุดแล้ว เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ขาดทุนไม่ใช่เพราะไม่รู้ทฤษฎี แต่เป็นเพราะพวกเขาเลือกเส้นทางที่แตกต่างในการเทรดจริงโดยไม่ไตร่ตรอง

* ข้อมูลข้างต้นไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำในการลงทุนได้

อัตราการชนะ vs อัตราส่วนกำไร/ขาดทุน อะไรสำคัญกว่ากันในการเทรดฟิวเจอร์ส?