ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแบบดั้งเดิมหรือแพลตฟอร์มเทรดคริปโต ความกังวลอันดับหนึ่งของผู้ใช้คือการสามารถถอนเงินได้ทุกเมื่อ มาดูระบบเงินสำรองที่ธนาคารแบบดั้งเดิมใช้และระบบพิสูจน์เงินสำรอง 100% ในอุตสาหกรรมคริปโต รวมถึงวิธีการทำงานของทั้งสองระบบเพื่อรับประกันการถอนเงินของผู้ใช้

เงินสำรองส่วนเศษและการแห่ถอนเงิน

เงินสำรองเงินฝากคือจำนวนเงินสดที่สถาบันการเงินต้องสำรองไว้เพื่อรับประกันการถอนเงินของลูกค้า อัตราส่วนเงินสำรองคือสัดส่วนของจำนวนเงินดังกล่าวต่อเงินฝากทั้งหมด ตัวอย่างเช่น แอลิซฝากเงิน 1,000 ดอลลาร์ในธนาคาร สมมติว่าอัตราส่วนเงินสำรองปัจจุบันอยู่ที่ 10% ธนาคารสามารถใช้เงินฝาก 900 ดอลลาร์ของแอลิซไปปล่อยกู้หรือลงทุนทางการเงิน และเก็บเงิน 100 ดอลลาร์ที่เหลือไว้เป็นเงินสำรองเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ปฏิเสธการถอนเงินของแอลิซเนื่องจากขาดเงินสด

หากมีผู้ใช้ 10,000 คนฝากเงิน 1,000 ดอลลาร์เช่นเดียวกับแอลิซ อัตราส่วนเงินสำรอง 10% จะรองรับการถอนเงินพร้อมกันของผู้ใช้ 1,000 คน เนื่องจากการถอนเงินจำนวนมากในเวลาสั้นๆ เกิดขึ้นได้ยาก อัตราส่วนเงินสำรองที่เหมาะสมจึงใช้งานได้โดยทั่วไป

การแห่ถอนเงินเกิดขึ้นเมื่อผู้ฝากเงินจำนวนมากถอนเงินจากสถาบันการเงินพร้อมกันเนื่องจากตลาดตื่นตระหนกหรือกลัวว่าธนาคารจะล้มละลาย ธนาคารจะประสบภาวะล้มละลายเมื่อเงินสดหมด ดังนั้นพวกเขาจะระงับการถอนเงินหรือขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลระหว่างการแห่ถอนเงิน หลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และสหราชอาณาจักรเคยประสบกับการแห่ถอนเงินในประวัติศาสตร์

การพิสูจน์เงินสำรอง 100% ในอุตสาหกรรมคริปโต

แพลตฟอร์มบางแห่งเข้าใจผิดว่าพวกเขามีอิสระในการใช้เงินฝากเพื่อวัตถุประสงค์อื่นเช่นเดียวกับธนาคารแบบดั้งเดิม นำไปสู่การใช้สินทรัพย์ของผู้ใช้ในทางที่ผิดในอุตสาหกรรมดังที่เราเห็นในปัจจุบัน

เมื่อเกิดการแห่ถอนเงิน แม้แต่การประกันเงินฝากก็ไม่สามารถรับประกันว่าลูกค้าจะถอนเงินได้ทันที ธนาคารใหญ่ๆ แบบดั้งเดิมอาจล้มละลายระหว่างการแห่ถอนเงิน เช่นเดียวกัน แพลตฟอร์มคริปโตไม่สามารถพึ่งพาเงินฝากส่วนเศษเพื่อปกป้องความปลอดภัยของเงินทุนผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้จำนวนมากถอนเงินฝากพร้อมกัน มีเพียงสถาบันการเงินที่มีอัตราส่วนเงินสำรอง 100% เท่านั้นที่จะรับมือได้

เพื่อรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนผู้ใช้ แพลตฟอร์มคริปโตควรรักษาเงินสำรอง 100% และถือครองสินทรัพย์จริงไว้เป็นเงินสำรองสำหรับการถอน BTC/ETH/USDT การพิสูจน์เงินสำรอง 100% หมายถึงหลักฐานที่แสดงว่าแพลตฟอร์มรักษาอัตราส่วนเงินสำรองที่ 100% และหลักฐานนั้นโปร่งใสและตรวจสอบได้

วิธีใช้ Merkle tree และลายเซ็นเพื่อตรวจสอบการพิสูจน์เงินสำรอง?

การพิสูจน์เงินสำรอง 100% มี 3 ขั้นตอน:

1. เปิดเผยจำนวนสินทรัพย์ทั้งหมดที่ผู้ใช้ฝากไว้ในแพลตฟอร์ม

2. เปิดเผยจำนวนสินทรัพย์ที่พร้อมให้ถอนบนแพลตฟอร์ม

3. เปรียบเทียบเงินฝากรวมของผู้ใช้และสินทรัพย์รวมของแพลตฟอร์มเพื่อตรวจสอบอัตราส่วนเงินสำรอง

วิธีการตรวจสอบที่ใช้กันทั่วไปสำหรับขั้นตอนแรกคือ Merkle tree Merkle tree เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ใช้แฮช ดังแสดงในภาพด้านล่าง โหนดแฮชที่ด้านล่างประกอบด้วยชื่อบัญชีผู้ใช้และข้อมูลยอดคงเหลือ ตัวอย่างเช่น user1 มี BTC 1.023 และ ETH 1.131 สามารถคำนวณโหนดแม่ Hash (user1) ได้จากข้อมูลนี้ Hash (user12) สามารถคำนวณได้จากโหนดพี่น้อง Hash (user2) บนเส้นทาง จากนั้นจึงคำนวณ root Hash (user1234) ตามลำดับ

หาก Merkle tree ละเว้นหรือแก้ไขข้อมูลของ user1 โหนดแม่ทั้งหมดรวมถึง Hash (user1) และ Hash (user12) ที่คำนวณได้จะเปลี่ยนไป ในที่สุดค่า root Hash (user1234) ที่ได้จะแตกต่างจากที่แพลตฟอร์มเผยแพร่ ผู้ใช้จะพบทันทีว่าแพลตฟอร์มได้แก้ไขข้อมูล โหมดการตรวจสอบด้วยตนเองของผู้ใช้นี้สามารถป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลสินทรัพย์รวมของผู้ใช้โดยแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับขั้นตอนที่ 2 จะใช้อัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบอสมมาตรสำหรับการตรวจสอบลายเซ็น ดังที่ทราบกันดีว่า ที่อยู่คริปโตเคอร์เรนซีถูกสร้างขึ้นโดยอัลกอริทึมระหว่างกระบวนการเข้ารหัสจากคีย์ส่วนตัวไปยังคีย์สาธารณะ ดังนั้น การแลกเปลี่ยนสามารถเข้ารหัสข้อความผ่านคีย์ส่วนตัวเพื่อสร้างลายเซ็น และผู้ใช้สามารถถอดรหัสข้อความต้นฉบับผ่านลายเซ็นและที่อยู่ (คีย์สาธารณะ) ด้วยวิธีนี้ จึงสามารถยืนยันได้ว่าการแลกเปลี่ยนถือครองคีย์ส่วนตัวของที่อยู่นั้น

Merkle tree และกระบวนการตรวจสอบลายเซ็นอยู่บนพื้นฐานของอัลกอริทึมแบบย้อนกลับไม่ได้ ดังนั้นความถูกต้องของข้อมูลจึงได้รับการรับประกันเป็นอย่างดี หลังจากตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์รวมของผู้ใช้และสินทรัพย์ที่ถือครองโดยการแลกเปลี่ยนแล้ว สามารถเปรียบเทียบข้อมูลทั้งสองได้ เมื่อสินทรัพย์ที่ถือครองโดยการแลกเปลี่ยนมีมากกว่าหรือเท่ากับสินทรัพย์รวมของผู้ใช้ แสดงว่าการแลกเปลี่ยนได้รักษาอัตราส่วนสำรองไว้ที่ 100%

เหตุผลสำหรับการพิสูจน์เงินสำรอง 100%

การพิสูจน์เงินสำรองสามารถช่วยเพิ่มความโปร่งใสเพื่อประโยชน์ทั้งของอุตสาหกรรมและผู้ใช้ ปัจจุบัน การยักยอกสินทรัพย์โดยการแลกเปลี่ยนบางแห่งได้สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้จำนวนมาก ในฐานะผู้เชื่อมั่นในอุตสาหกรรมคริปโตในระยะยาว CoinEx มุ่งมั่นที่จะสร้างระบบความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมและส่งเสริมการพัฒนาที่ดีของโลกคริปโต นั่นคือเหตุผลที่การแลกเปลี่ยนนี้เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมที่เปิดเผยการพิสูจน์เงินสำรองของตน

การพิสูจน์เงินสำรองของ CoinEx： https://www.coinex.com/en/reserve-proof

ในฐานะการแลกเปลี่ยนคริปโตที่มีชื่อเสียงระดับโลก CoinEx ถือว่าความปลอดภัยเป็นเส้นแบ่งขั้นพื้นฐาน การแลกเปลี่ยนไม่เคยใช้สินทรัพย์คริปโตของผู้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด และรองรับการถอนเงิน 100% เสมอ

ความเปิดเผย ความโปร่งใส ความปลอดภัย และความเชื่อมั่นเป็นตัวแทนของแนวโน้มในอนาคตของโลกคริปโต CoinEx ได้อาศัยความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากผู้ใช้ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ในวันข้างหน้า CoinEx จะยังคงรักษาคำมั่นสัญญาว่าเงินทุนทั้งหมดจะได้รับการสำรองไว้และยึดมั่นในความเปิดเผยและความโปร่งใสของเงินสำรองและสินทรัพย์ ขับเคลื่อนด้วยสโลแกน "ทำให้การเทรดคริปโตง่ายขึ้น" มุ่งมั่นที่จะให้บริการสภาพแวดล้อมการลงทุนคริปโตที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือแก่ผู้ใช้

การพิสูจน์ทุนสำรอง (Proof of Reserve) คืออะไร? และจะช่วยรักษาความปลอดภัยและความโปร่งใสของสินทรัพย์ได้อย่างไร?