ปัจจุบัน กลุ่มเครื่องมือการกำกับดูแล DeFi ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยยักษ์ใหญ่ โปรโตคอลการกำกับดูแลส่วนมากมีผู้ใช้เข้าร่วมการลงคะแนนน้อย และผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนส่วนใหญ่ไม่สนใจเข้าร่วม

"ผู้ลงคะแนน" (นักลงทุนรายย่อย) มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลน้อยด้วยเหตุผลคือ พวกเขาแทบจะไม่ได้รับประโยชน์จากโทเค็นการกำกับดูแลที่ถืออยู่ ในด้านหนึ่ง เนื่องจากสัดส่วนโทเค็นการกำกับดูแลที่นักลงทุนรายย่อยแต่ละรายถือครองเทียบกับจำนวนที่หมุนเวียนทั้งหมดมีน้อย อำนาจในการตัดสินใจจึงไม่สามารถส่งผลต่อทิศทางของโครงการได้โดยตรง อีกด้านหนึ่งซึ่งสำคัญกว่าคือ โทเค็นการกำกับดูแลส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้

โปรโตคอลการกำกับดูแล DeFi ประสบปัญหา "ความเพิกเฉยของผู้ลงคะแนน" มาเป็นเวลานาน PowerPool จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มนี้

Compound 2.0: PowerPool รวมพลังการกำกับดูแลจากแอปพลิเคชัน DeFi ต่างๆ

PowerPool Concentrated Voting Power (เรียกสั้นๆ ว่า PowerPool) เป็นโซลูชันการกำกับดูแลแบบสะสมบนโปรโตคอล Ethereum ที่เรียกกันทั่วไปว่า "เมตาการกำกับดูแล" ช่วยแก้ปัญหาความเพิกเฉยของผู้ลงคะแนน เพิ่มความปลอดภัยในการลงคะแนน และส่งเสริมการประสานงานในการตัดสินใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย PowerPool มีเป้าหมายในการสร้างแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมสำหรับโทเค็นการกำกับดูแล และรวบรวมอำนาจการกำกับดูแลสำหรับผู้ที่ต้องการ

"เมตาการกำกับดูแล" คือการกำกับดูแลที่อยู่บนพื้นฐานของโปรโตคอล ภารกิจหลักของ PowerPool คือการจัดการโปรโตคอลต่างๆ จากที่เดียวได้อย่างสะดวก โดยการรวมโทเค็นการกำกับดูแลในพูล เพื่อให้สภาพคล่องแก่โทเค็นการกำกับดูแลและรวมพลังของพวกมันเข้าด้วยกัน

PowerPool มีความคล้ายคลึงกับ Compound มากในแง่ของโมเดลการให้กู้ยืม ผู้ถือโทเค็นการกำกับดูแลฝากโทเค็นในพูลสภาพคล่องและได้รับโทเค็นการกำกับดูแลเดียวกันเป็นดอกเบี้ย ผู้ใช้ที่ต้องการสภาพคล่องสามารถกู้ยืมโทเค็นการกำกับดูแลที่ต้องการโดยใช้สินทรัพย์เฉพาะ (เช่น ETH, wBTC และ DAI) เป็นหลักประกัน

อย่างไรก็ตาม โทเค็นการกำกับดูแลของ PowerPool แตกต่างจากโทเค็นของ Compound ด้วยฟังก์ชันของ Compound, PowerPool ยังสามารถกำหนดเจตนาการลงคะแนนของเหรียญที่ยังไม่ถูกเรียกร้องในพูลได้ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเล่น "Compound 2.0"

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PowerPool รวมศูนย์อำนาจการกำกับดูแลในแต่ละแอปพลิเคชัน DeFi เมื่อผู้ใช้ถือโทเค็น DeFi บางอย่างเช่น COMP, LEND และ YFI เป็นการส่วนตัว PowerPool จะแทบไม่ได้รับผลกระทบ แต่เมื่อผู้ใช้ฝากโทเค็น DeFi ใน PowerPool และถูกรวมโดยพูล อำนาจการกำกับดูแลของโทเค็นเหล่านี้จะรวมกันเป็นพลังการลงคะแนนที่สำคัญ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ CVP ซึ่งเป็นโทเค็นการกำกับดูแลของ PowerPool

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อผู้ใช้รวมสิทธิ์การลงคะแนน DeFi (โทเค็นการกำกับดูแล CVP) พวกเขายังรวมสิทธิ์การลงคะแนนของ PowerPool ด้วย พวกเขาสามารถลงคะแนนด้วยโทเค็นต่างๆ เช่น COMP, LEND และ UNI (ที่จะถูกเพิ่มในโปรโตคอล) หากมี CVP นักลงทุนรายย่อยสามารถประสานงาน มีอิทธิพล และแม้แต่ควบคุมการใช้งาน DeFi ในอุตสาหกรรมทั้งหมดได้โดยการเข้าร่วม PowerPool ซึ่งเป็นโครงสร้าง "เมตาการกำกับดูแล" แบบพรรค

ในฐานะโทเค็นการกำกับดูแลดั้งเดิมของ PowerPool, CVP สามารถใช้ในวิธีต่อไปนี้:

(1) ตัดสินใจว่าโทเค็นการกำกับดูแลใดสามารถเพิ่มใน PowerPool และสัดส่วนของรางวัล yield farming

(2) กำหนดสกุลเงินดิจิทัลของหลักประกัน

(3) ดูแลและอัปเดตซอร์สโค้ดของสัญญาและตัวแปรสำคัญของโปรโตคอล

(4) ใช้ส่วนแบ่งในพูลชุมชนเพื่อเข้าร่วม yield farming บน DEX อื่นๆ

PowerPool แก้ปัญหา "ความเพิกเฉยของผู้ลงคะแนน" โดยการกระจายอำนาจให้กับผู้ถือครองจำนวนน้อยราย

วิธีการทำให้การกำกับดูแลชุมชนมีการกระจายอำนาจอย่างเพียงพอเป็นปัญหาที่ตลาดคริปโตในปัจจุบันต้องปวดหัวมาโดยตลอด การกำกับดูแลเป็นรากฐานของแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ทั้งหมด และเป็นแก่นสำคัญของโครงการ โทเค็นการกำกับดูแลแสดงถึงอำนาจการลงคะแนน และโทเค็นการกำกับดูแลที่เพียงพอจะควบคุมทิศทางในอนาคตและประเด็นสำคัญของโครงการ

สำหรับ PowerPool โปรโตคอลทั้งหมดของโทเค็นการกำกับดูแลถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท: ผู้ถือโทเค็นจำนวนน้อยและผู้ถือโทเค็นจำนวนมาก โดยปกติ คะแนนเสียงของผู้ถือส่วนน้อยไม่มีผลกระทบ ซึ่งพวกเขาก็รู้ดี ในที่สุด ผู้ถือส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ตัดสินใจ นั่นนำไปสู่ "ความเพิกเฉยของผู้ลงคะแนน" ที่พบเห็นได้ทั่วไปในตลาดคริปโต — ผู้ลงคะแนนแสดงความไม่สนใจในการลงคะแนน

PowerPool แก้ไขปัญหานี้ผ่านการทำ influence farming และกระจายอำนาจให้กับผู้ถือรายใหญ่จำนวนน้อยราย พวกเขาเพียงแค่ต้องบรรลุข้อตกลงในการตัดสินใจบางอย่างและรวบรวมอำนาจในการโหวต ผู้ใช้ที่ถือโทเคนจำนวนน้อยสามารถให้ยืมโทเคนที่จำเป็นในระบบการกำกับดูแลบนแพลตฟอร์ม PowerPool ในขณะนี้ อำนาจการกำกับดูแลจะสะสมอยู่ใน PowerPool ทำให้น้ำหนักการโหวตเพิ่มขึ้น

ในขณะเดียวกัน PowerPool ยังได้ออกแบบ Farming ซึ่งคล้ายกับ yield farming มาก เพื่อออก CVP ซึ่งเป็นโทเคนระบบโปรโตคอล เป็นสิ่งจูงใจสำหรับพฤติกรรมการยืมของผู้ถือโทเคนการกำกับดูแลบนแพลตฟอร์ม

จริงๆ แล้วเราสามารถถือว่า CVP เป็นเครื่องมือการกำกับดูแลที่ใช้ในการควบคุมพูลการโหวต (ห้ามการทำอาร์บิทราจด้านดอกเบี้ย) เนื่องจากสิทธิ์ในการกำกับดูแลการโหวตถูกมอบให้กับ PowerPool ผ่านโทเคนของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งถูกนำไปวางเป็นหลักประกันและยืมบนโปรโตคอล PowerPool เมื่อผู้ใช้ต้องการเรียกใช้อำนาจการกำกับดูแลที่เก็บไว้ใน PowerPool, CVP จะมีบทบาทสำคัญ ซึ่งเป็นมูลค่าหลักของโทเคนในโปรโตคอลทั้งหมด

ทีมนิรนามของ PowerPool ได้รับการสนับสนุนและความสนใจมากมายได้อย่างไร?

ผ่านกลไกการจูงใจของ PowerPool ทั้งผู้ใช้และโปรโตคอล DeFi สามารถได้รับประโยชน์:

1. เพิ่มรายได้ของผู้ถือโทเคน

ผู้ใช้สามารถได้รับโทเคนการกำกับดูแลเพิ่มเติมจากการวางเดิมพันของพวกเขา เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจ่ายในโทเคนการกำกับดูแลเดียวกัน ผลประโยชน์ของผู้ใช้จึงสามารถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

2. เพิ่มการมีส่วนร่วมในการโหวต

ด้วยอัตราผลตอบแทนและรางวัลสำหรับผู้ให้สภาพคล่อง นักลงทุนรายย่อยจะได้รับการกระตุ้นให้นำโทเคนการกำกับดูแลของพวกเขามาให้กับ PowerPool และโทเคนเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการโหวตตามความต้องการ ทำให้ต้นทุนการโหวตโดยรวมเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะไม่มีใครยืมโทเคนผ่านขั้นตอนของโปรโตคอล PowerPool โทเคนก็สามารถมีส่วนร่วมในการโหวตได้

3. สะสมสิทธิ์ในการโหวต

สิทธิ์ในการโหวตที่จัดสรรให้กับนักลงทุนรายย่อยนับพันรายนั้นไร้ประโยชน์ ตอนนี้สิทธิ์ดังกล่าวสามารถรวมศูนย์ในที่เดียวผ่าน PowerPool และกลายเป็นพลังที่แท้จริงในการจัดการโปรโตคอล

ที่น่าสนใจคือ เบื้องหลัง PowerPool เป็นทีมนิรนาม ต่างจากโครงการที่มีนักลงทุนสถาบันหลายโครงการ ทีมไม่มี VC หรือ private equity กระบวนการส่งเสริมสอดคล้องกับแนวคิดการกระจายอำนาจในปัจจุบันใน DeFi PowerPool ไม่มีการขุดล่วงหน้า และโทเคนถูกจัดสรรดังนี้: 5% ให้กับทีม (ล็อกเป็นเวลาหนึ่งปีและจะปลดล็อกใน 18 เดือน) และ 95% สำหรับ yield farming

นอกจากนี้ PowerPool ขับเคลื่อนโดยชุมชนเป็นหลักและมีความกระตือรือร้นสูง และยังได้กลายเป็นผู้นำในส่วนของเครื่องมือการกำกับดูแล DeFi มีการเปิดตัวบน CoinEx และตลาดหลักทรัพย์ใหญ่สามแห่ง ได้แก่ Binance, OKEX และ Huobi

การเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของตลาด DeFi ไม่สามารถแยกออกจากการกำกับดูแลและการจัดการ PowerPool มีศักยภาพที่จะกลายเป็นเสาหลักพื้นฐานของวงการ DeFi โดยการสร้างตลาดสองด้าน นำความสะดวกมาสู่ผู้ใช้ที่ต้องการและโปรโตคอล DeFi อย่างไรก็ตาม PowerPool อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเพิกเฉยของผู้ลงคะแนนได้อย่างถึงรากถึงโคน - หากนักลงทุนรายย่อยเลือกที่จะสละสิทธิ์ในการโหวตตั้งแต่แรกหรือไม่สนใจการพัฒนาของโครงการ พวกเขาจะไม่ใช้สิทธิ์ดังกล่าวด้วย CVP แม้ว่าจะนำโทเคนของพวกเขาไปไว้ใน PowerPool

ดังนั้น การที่จะรู้ว่า PowerPool สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของโทเคนการกำกับดูแลและการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจได้จริงหรือไม่ ยังคงเป็นเรื่องของเวลา

Compound2.0? ทีมนิรนามอย่าง PowerPool ดึงดูดความสนใจมากมายได้อย่างไร?