เลเวอเรจคืออะไร?

เลเวอเรจเป็นกลไกการเทรดที่อนุญาตให้นักลงทุนเพิ่มขนาดการลงทุนในสินทรัพย์โดยการยืมเงินจากโบรกเกอร์หรือตลาดแลกเปลี่ยน พูดง่ายๆ คือการใช้แว่นขยายทางการเงินเพื่อเพิ่มขนาดการเทรดโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนเต็มจำนวน ตัวอย่างเช่น ด้วยเลเวอเรจ 10 เท่า นักเทรดสามารถควบคุมบิทคอยน์มูลค่า 10,000 ด้วยเงินของตัวเองเพียง 1,000 แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถเพิ่มกำไรได้อย่างมาก แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน ทำให้เลเวอเรจเป็นดาบสองคม

เลเวอเรจทำงานอย่างไร?

เลเวอเรจมักแสดงในรูปแบบอัตราส่วน เช่น 2 เท่า, 5 เท่า หรือแม้แต่ 100 เท่า เมื่อนักเทรดใช้เลเวอเรจ พวกเขาจะยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อเปิดสถานะการเทรดที่ใหญ่ขึ้น ตัวอย่างเช่น หากใครต้องการเทรดอีเธอเรียมมูลค่า 5,000 แต่มีเงินเพียง 1,000 พวกเขาอาจใช้เลเวอเรจ 5 เท่าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ โดยตลาดแลกเปลี่ยนหรือโบรกเกอร์จะให้เงินส่วนที่เหลืออีก 4,000 อย่างไรก็ตาม หากราคาเคลื่อนไหวตรงข้ามกับที่นักเทรดคาดการณ์ การขาดทุนก็จะถูกขยายเช่นกัน หลายแพลตฟอร์มใช้ระบบมาร์จิ้นเพื่อจัดการความเสี่ยงนี้ โดยกำหนดให้นักเทรดต้องรักษายอดคงเหลือขั้นต่ำ (มาร์จิ้น) เพื่อรักษาสถานะเลเวอเรจให้เปิดอยู่ได้ หากยอดคงเหลือต่ำกว่าระดับนี้ สถานะอาจถูกล้างเพื่อป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติม

ทำไมนักเทรดจึงใช้เลเวอเรจ?

เลเวอเรจเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดด้วยเหตุผลหลักสองประการ: โอกาสในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพการใช้เงินทุน การใช้เลเวอเรจช่วยให้นักเทรดสามารถเทรดในปริมาณที่มากขึ้นด้วยเงินน้อยลง ซึ่งอาจทำให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าการใช้เงินทุนของตัวเองเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของราคา 10% ในการเทรดมูลค่า 1,000 ด้วยเลเวอเรจ 10 เท่า จะส่งผลให้ได้ผลตอบแทน 100% จากเงินลงทุนเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม หลักการเดียวกันนี้ก็ใช้กับการขาดทุนเช่นกัน—ราคาที่ลดลง 10% อาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้

แม้ว่าเลเวอเรจจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง ตลาดคริปโตเคอเรนซีมีความผันผวนสูง และการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างฉับพลันอาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจสูง นักเทรดควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง เข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนเปิดสถานะเลเวอเรจ

อภิธานศัพท์

เลเวอเรจ